เสริมจมูก คือ
การศัลยกรรมเสริมจมูก (Rhinoplasty) คือ การผ่าตัดเพื่อปรับเปลี่ยนรูปร่างของจมูก โดยอาจมีจุดประสงค์เพื่อปรับแก้ไขลักษณะของจมูกใหม่ ซึ่งการปรับรูปทรงจมูกมีหลายวิธี เช่น การศัลยกรรมจมูกแบบทั่วไป ด้วยวัสดุสังเคราะห์ คือการศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยซิลิโคน ที่มีทั้งแบบซิลิโคนแท่งสำเร็จ หรือกระดูกอ่อนหลังใบหู การผ่าตัดปีกจมูก และการปรับลดทรงจมูกทั่วไป ซึ่งทำได้โดยการผ่าตัดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หรือศัลยกรรมเสริมจมูกเพื่อแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ ที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุหรือความบกพร่องแต่กำเนิด นอกจากนี้ ในปัจจุบันการผ่าตัดทำจมูกยังเป็นการผ่าตัดเสริมความงามเพื่อเสริมความมั่นใจให้ตนเองด้วย
สารบัญ
- ศัลยกรรมเสริมจมูกเหมาะกับใคร
- ศัลยกรรมเสริมจมูกมีกี่แบบ
- ชนิดของซิลิโคน
- ตำแหน่งของแผล
- ใครที่เหมาะกับการทำจมูกแบบ Close-Open
- ข้อดีของการเสริมจมูกแบบ Close-Open
- การเตรียมตัวก่อนการศัลยกรรมเสริมจมูก
- ขั้นตอนการทำศัลยกรรมเสริมจมูก
- การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมจมูก
- ข้อควรระวังในการศัลยกรรมเสริมจมูก
- อาการแทรกซ้อนหลังศัลยกรรมเสริมจมูก
- อาการ (ที่อาจพบ) หลังเสริมจมูกแบบวันต่อวัน
- คำถามที่มักพบบ่อย
ศัลยกรรมเสริมจมูกเหมาะกับใคร
การศัลยกรรมเสริมจมูกมีด้วยกันหลากหลายประเภท ส่วนใหญ่จะทำเพื่อปรับเปลี่ยนรูปของจมูกให้เป็นไปตามที่ต้องการ
- คนที่ต้องการกำจัดส่วนที่โก่งจนเกินไปที่บริเวณสันจมูก
- คนที่ต้องการปรับสันจมูกให้ตรงหรือโด่งขึ้น
- คนที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปร่างของปลายจมูก
- คนที่ต้องการขยายหรือลดขนาดของรูจมูก
- แก้ไขความผิดปกติของจมูกซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุ
- เปิดทางเดินหายใจ
- คนที่ต้องการเสริมหรือลดขนาดของจมูก
ศัลยกรรมเสริมจมูกมีกี่แบบ
- จมูกทรงหยดน้ำ สำหรับจมูกทรงหยดน้ำ หากมองจากด้านหน้าตรง ๆ อาจเห็นไม่เห็นเด่นชัด แต่ถ้าดูจากด้านข้างจะเห็นชัดเจนว่าเป็นจมูกที่ส่วนปลายจะเป็นทรงเหมือนน้ำกำลังหยด เป็นทรงที่ดูเข้ากับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ทำออกมาแล้วให้ความรู้สึกหน้าหวาน ๆ คม ๆ สวยแบบพอดิบพอดี ทำให้ดูโดดเด่นอย่าบอกใคร ด้วยเหตุนี้จึงเป็นทรงที่คนส่วนใหญ่อยากทำมากที่สุด แต่สำหรับใครที่จะทำจมูกทรงนี้ต้องเป็นคนที่มีสันจมูกค่อนข้างยาว มีเนื้อปลายจมูกที่เยอะพอสมควร ไม่เช่นนั้นหากมีเนื้อปลายจมูกน้อยเกินไปจมูกจะเกิดการรั้งและมีความเสี่ยงที่ปลายจะทะลุได้
- จมูกทรงปลายพุ่ง ซิลิโคนของจมูกทรงปลายพุ่ง จะเริ่มตั้งแต่ส่วนสันจมูกพุ่งลงมาจนถึงปลาย เป็นทรงที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีดั้ง หรือมีแต่ดั้งไม่พุ่ง หรือดั้งไม่สมส่วน จมูกทรงปลายพุ่งจะทำให้ดูมีสันจมูกที่คมสวยได้รูป ส่วนปลายจมูกที่พุ่งจะทำให้ปลายจมูกดูเรียวเล็กลง ดูสวยคมขึ้น
- จมูกทรงปลายเชิด ถึงชื่อจะดูเชิด ๆ แต่จมูกทรงนี้เมื่อทำออกมาแล้วให้ความรู้สึกสวยเด่นเป็นธรรมชาติไม่เบา เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเนื้อตรงปลายจมูกมากนัก มีดั้งอยู่แล้วหรือไม่มีก็ได้ ปลายไม่เชิดที่ไม่สูงมากนักจะทำให้ดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ จะเรียกว่าเป็นทรงมาตรฐานก็ไม่ผิด เพราะใคร ๆ ก็ทำได้ โดยเฉพาะคนที่ต้องการความเป็นธรรมชาติที่สุด อีกทั้งยังเสริมโหงวเฮ้งได้ดีไม่แพ้ทรงอื่นเลย
- การตัดปีกจมูก การศัลยกรรมเสริมจมูกนั้น บางทีไม่ได้มีเพียงการเสริมสิ่งใหม่เข้าไปเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถตัดส่วนเกินออกให้ดูพอดีได้อีกด้วย การตัดปีกจมูก เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่มีประโยชน์มาก สำหรับคนที่มีเนื้อมากเกินไป ปีกจมูกบาน สามารถเสริมดั้งและตัดปีกจมูกไปพร้อมกันได้ หรือบางคนที่สันดั้งสวยอยู่แล้วก็สามารถตัดเพียงปีกจมูกอย่างเดียวก็ทำให้ดั้งสวยเข้ารูปแล้ว แถมยังไม่เจ็บตัวมากนัก
- การตกแต่งกระดูกสันจมูก คนไทยอยากดั้งโด่งเหมือนฝรั่ง แต่รู้หรือไม่ว่าฝรั่งบางคนก็มีปัญหาจมูกเช่นกัน ฝรั่งที่สันจมูกโด่งใช่ว่าจะสวยไปเสียหมด เพราะบางคนอาจมีปัญหา สันจมูกคด เบี้ยว นูน ไม่เรียบ ไม่เข้ารูป อย่างนี้ก็มีเยอะทีเดียว ซึ่งคนไทยเองก็พบปัญหาเหล่านี้อยู่บ้าง การตกแต่งกระดูกสันจมูกจึงเอาไว้แก้ปัญหาผู้ที่จมูกโด่งแต่ไม่ได้รูปที่สวยงาม ลักษณะเช่นนี้จะไม่ใช่การใส่ซิลิโคน แต่แพทย์จะทำการเหลาจมูกส่วนเกินออกให้มันเรียบได้รูปนั่นเอง
- การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครง เป็นอีกเทคนิคหนึ่งในการเสริมจมูกที่ดูสวยเป็นธรรมชาติได้ดีทีเดียว โดยใช้กระดูกอ่อนซี่โครงอ่อน ซึ่งเป็นอวัยวะของตัวเองนั้นมาเป็นวัสดุแทนซิลิโคน ซึ่งข้อดีคือมีความปลอดภัยสูง ไม่มีการแพ้เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อจากร่างกายตัวเองจึงเข้ากับร่างกายได้ดีมาก แต่ข้อเสียก็คือมีราคาแพงเพราะต้องผ่าตัดถึง 2 ครั้งคือที่กระดูกซี่โครงและจมูก เจ็บตัว 2 ครั้ง แถมความนิยมก็ยังไม่เท่าซิลิโคน และยังต้องอาศัยความชำนาญความรู้และประสบการณ์ของแพทย์อย่างมาก
ชนิดของซิลิโคน
- ซิลิโคนสำเร็จรูป
- ซิลิโคนชนิดเหลาเอง
ตำแหน่งของแผล
1. แผลที่ซ่อนในรูจมูก ส่วนมากจะไม่มีแผลให้เห็นจากด้านนอก ศัลยแพทย์จะใช้ไหมละลายในการเย็บ ซึ่งไหมจะหลุดเองใน 3 อาทิตย์
2. แผลที่ด้านนอกจมูก สำหรับกรณีที่แก้ไขปลายจมูกด้วยการใช้กระดูกออกจากใบหูในการแก้จมูกสามารถทำได้ทั้งแผลด้านนอก และในรูจมูก
เสริมจมูกแบบปิด
(Close Technique)
การเสริมจมูกปิด (Close Technique) เราจะใช้วิธีการผ่าตัดเปิดแผลด้านในจมูก และใส่ซิลิโคนเข้าไป ซึ่งวิธีการเสริมจมูกแบบปิดนั้น จะเปิดแผลเล็กมาก แค่ 3 มิลลิเมตรเท่านั้นค่ะ หมดกังวลเรื่องรอยแผลเป็นไปได้เลย
เสริมจมูกแบบ Close เหมาะกับใคร
ต้องบอกเลยว่าวิธีการเสริมจมูกแบบปิดนั้น เหมาะกับคนที่ไม่มีปัญหาด้านโครงสร้างจมูกมากนัก ซึ่งปัญหาโครงสร้างที่ว่า อย่างเช่น กระดูกจมูกคดเอียง ปัญหานี้จะไม่สามารถแก้ไขด้วยการเสริมจมูกแบบปิดได้
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบ Close
- ได้ทรงจมูกธรรมชาติ ไม่โด่งพุ่งจนเกินไป
- แผลเล็กมาก บวมช้ำน้อย สามารถแต่งหน้าหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่ต้องพักฟื้น
- ราคาไม่สูงเท่าการเสริมจมูกแบบเปิด
- ใช้เวลาในการทำน้อย ประมาณ 30-40 นาที
เสริมจมูกแบบเปิด
(Open Technique)
หรือที่คุ้นกันในชื่อ “เสริมจมูกแบบโอเพ่น” ซึ่งเป็นเสริมจมูกโดยการเข้าไปปรับโครงสร้างภายใน เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดในส่วนที่การเสริมจมูกแบบ Close ไม่สามารถทำได้ เช่น การตอกฐานจมูก การยืดผนังกั้นจมูกในคนที่มีจมูกสั้น หรือจมูกคดเอียง เป็นต้น
เสริมจมูกแบบ Open เหมาะกับใคร
การเสริมจมูกแบบ Open เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาโครงสร้างจมูกอย่างตรงจุด ซึ่งเป็นเสริมจมูกโดยการเข้าไปปรับโครงสร้างภายใน ที่การเสริมจมูกแบบ Close ไม่สามารถทำได้ เช่น การตอกฐานจมูก การยืดผนังกั้นจมูกในคนที่มีจมูกสั้น หรือจมูกคดเอียง เป็นต้น
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบ Open
- ช่วยแก้ปัญหาโครงสร้างได้อย่างตรงจุด แบบที่การเสริมจมูกแบบปิดไม่สามารถทำได้ เหมาะกับคนที่อยากได้ทรงจมูกแบบโด่งพุ่งหรือ เหมาะสำหรับเคสที่ผ่านแก้จมูกมาหลายครั้ง จนทำโครงสร้างเดิมเสียหาย การเสริมจมูกแบบโอเพ่นจึงตอบโจทย์ได้มากกว่า
การถ่ายภาพ ในการวางแผนการผ่าตัด จะต้องมีการถ่ายภาพจมูกของผู้เข้ารับการผ่าตัดจากมุมต่าง ๆ จากนั้นศัลยแพทย์จะนำภาพเข้าคอมพิวเตอร์เพื่อจำลองผลจากการศัลยกรรมให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดได้ทราบว่า หากทำการผ่าตัดแล้วจะได้ผลอย่างไร โดยศัลยแพทย์จะใช้ภาพถ่ายเพื่อเปรียบเทียบทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด รวมทั้งใช้อ้างอิงในขณะการผ่าตัดและในระยะยาวด้วย
ความคาดหวังของผู้เข้ารับการผ่าตัด แพทย์และผู้เข้ารับการผ่าตัดจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกันถึงความคาดหวังที่จะได้รับจากการผ่าตัดศัลยกรรม โดยแพทย์จะแนะนำว่าการทำจมูกแบบใดที่สามารถทำได้หรือทำไม่ได้ และผลที่จะได้เป็นอย่างไร ซึ่งผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องมีความมั่นใจที่จะพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตนเอง และควรเปิดใจกับศัลยแพทย์ถึงความต้องการ ซึ่งบางครั้งแพทย์อาจแนะนำให้ทำศัลยกรรมส่วนอื่นบนใบหน้าเพิ่มเติมเพื่อให้ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้น
หากสามารถกำหนดวันเข้ารับการผ่าตัดได้แล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรนัดแนะให้คนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดมารับหลังจากผ่าตัดเสร็จในกรณีที่เป็นการผ่าตัดแบบที่สามารถกลับบ้านได้ทันที และควรมีคนอยู่ด้วยหลังจากผ่าตัดอย่างน้อย 1-2 คืน เพื่อดูแล เนื่องจากหลังจากการผ่าตัด ฤทธิ์ของยาชาอาจทำให้เกิดอาการหลงลืม หรือมีปฏิกิริยาตอบโตช้ากว่าปกติ ทำให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ก่อนเข้ารับการผ่าตัดควรงดใช้ยาแก้ปวด อาทิ ยาแอสไพริน หรือไอบูโพรเฟนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะยาเหล่านี้อาจทำให้เลือดไหลออกมากกว่าที่ควรจะเป็นในระหว่างการผ่าตัด
หากจำเป็นต้องใช้ยาควรเป็นยาที่แนะนำโดยศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัดให้เท่านั้น และควรงดหรือเลิกสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่จะทำให้กระบวนการในการรักษาตัวของการผ่าตัดเป็นไปได้ช้าลง และอาจทำให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น
การเตรียมตัวก่อนการศัลยกรรมเสริมจมูก
เมื่อตัดสินใจที่จะเข้าทำการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกแล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดและทีมศัลยแพทย์จะต้องหารือกันเรื่องแนวทางในการผ่าตัด โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับสุขภาพ และสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการผ่าตัด ซึ่งปัจจัยที่ศัลยแพทย์นำมากำหนดแนวทางในการผ่าตัด มีดังนี้
- ประวัติการรักษาทางการแพทย์ สิ่งสำคัญที่สุดที่แพทย์มักถามผู้เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเป็นอย่างแรกคือวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้แพทย์จะถามถึงประวัติการรักษาทางการแพทย์ เช่น เคยมีประวัติภาวะจมูกอุดตันหรือไม่ ผู้เข้ารับการผ่าตัดเคยผ่านการผ่าตัด หรือมีการใช้ยาใดในการรักษาโรคหรือไม่ ทั้งนี้หากผู้เข้ารับการผ่าตัดมีภาวะเลือดออกผิดปกติ เช่น ฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) แพทย์อาจไม่แนะนำให้ทำการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก
- การตรวจสุขภาพ ก่อนศัลยแพทย์จะตัดสินใจทำการผ่าตัดให้ แพทย์จะทำการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเลือด ตรวจดูลักษณะผิวหนังด้านในและด้านนอกของจมูก เพื่อดูความหนาของผิวหนังและความแข็งแรงของกระดูกอ่อนที่ปลายจมูก ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนในการรักษา และทราบถึงผลกระทบในด้านการหายใจหลังจากการทำศัลยกรรมได้ดียิ่งขึ้น
ขั้นตอนการทำศัลยกรรมเสริมจมูก
การผ่าตัดศัลยกรรม เสริมจมูก มีเทคนิคในการผ่าตัดที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะทางกายภาพและเป้าหมายของผู้เข้ารับบริการ ซึ่งการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกอาจทำจากภายในจมูก หรือกรีดเป็นแผลเล็ก ๆ ภายนอกที่ฐานของจมูกบริเวณระหว่างรูจมูก และอาจทำการตกแต่งกระดูกอ่อนที่ใต้ผิวหนังก่อนทำการผ่าตัด การตกแต่งกระดูกจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ รูปร่างจมูกของผู้เข้ารับการผ่าตัด และปริมาณของวัสดุที่ต้องการเสริมเข้าไป
หากเป็นการเสริมขึ้นเพียงเล็กน้อย ศัลยแพทย์อาจนำกระดูกอ่อนจากด้านในของจมูก หรือนำกระดูกอ่อนจากใบหูมาเป็นวัสดุเสริม แต่หากต้องการเสริมมากขึ้น อาจต้องใช้กระดูกอ่อนที่ปลูกถ่ายกระดูกจากบริเวณซี่โครง หรือกระดูกอ่อนจากส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย หรือในบางกรณีก็อาจใช้วัสดุสังเคราะห์ที่ใช้สำหรับการศัลยกรรม เช่น ซิลิโคน เป็นต้น
การศัลยกรรมเสริมจมูกจำเป็นจะต้องใช้ยาชา เฉพาะที่ร่วมกับยากล่อมประสาทหรือยาสลบ ซึ่งการเลือกใช้ยาดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนในการผ่าตัด และความชำนาญของศัลยแพทย์ ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าถึงประเภทของยาชาที่ใช้ เพื่อให้แพทย์พิจารณาว่ายาชาประเภทใดเหมาะกับผู้เข้ารับการผ่าตัดมากที่สุด
- ยาชาเฉพาะที่ร่วมกับยากล่อมประสาท ยาชาชนิดนี้มักจะใช้ในผู้เข้ารับการผ่าตัดแบบผู้ป่วยนอก มีพื้นที่ในการผ่าตัดที่จำกัด โดยแพทย์จะฉีดยาแก้ปวดและยาแก้ปวดและยาชาที่บริเวณเนื้อเยื่อตรงจมูก และให้ยากล่อมประสาทผ่านทางเส้นเลือด วิธีนี้จะทำให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดอยู่ในลักษณะครึ่งหลับครึ่งตื่น
- ยาสลบ ยาสลบจะถูกให้ด้วยการดมหรือผ่านทางสายน้ำเกลือเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บริเวณฝ่ามือ โดยยาสลบจะส่งผลต่อร่างกายและทำให้หมดสติ วิธีนี้จำเป็นต้องมีการใส่ท่อช่วยหายใจในระหว่างการผ่าตัดด้วย
ทั้งนี้หลังจากการผ่าตัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะถูกนำไปยังห้องพักฟื้น ซึ่งเจ้าหน้าจะคอยเฝ้าดูระดับการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และรอให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดรู้สึกตัว โดยผู้เข้ารับการผ่าตัดอาจสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียวกัน หรือหากมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ก็จำเป็นจะต้องค้างคืนเพื่อรอดูอาการอื่น ๆ ต่อไป
การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมจมูก
- ประคบเย็น 4-5 วันหลังผ่าตัด เพื่อให้เลือดหยุดไหล หากไม่ประคบเย็นจะทำให้เกิดเลือดออกและมีพังผืดเกิดขึ้น ส่งผลให้จมูกเบี้ยวได้
- ดูแลแผลในโพรงจมูกด้วยไม้พันสำลีเช็ดน้ำเกลือ อย่าใช้แอลกอฮอล์ เบตาดีน หรือยาฆ่าเชื้อโรคที่แสบรุนแรง
- หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่มีฝุ่นละอองมากประมาณ 1 สัปดาห์ ป้องกันการไอหรือจาม
- พบแพทย์ตามนัดเพื่อตัดไหม
- สามารถนอนตะแคงได้ ไม่ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ เพราะโดยปกติแล้วแพทย์จะทำการติดเทปเอาไว้เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่อยู่แล้ว แต่ให้หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ตนเองแพ้ และอาหารที่ทำให้หน้าบวมแดง เช่น อาหารที่ร้อนจัด อาหารที่มีรสเผ็ด อาหารรสเค็ม แอลกอฮอล์ บุหรี่ เป็นต้น
ข้อควรระวังในการศัลยกรรมเสริมจมูก
- การศัลยกรรมเสริมจมูกอาจดูเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ทำกัน มีหลากหลายรูปแบบหลายราคา มีทั้งคลินิกในไทยและต่างประเทศให้เลือก ทั้งนี้การเสริมจมูกก็คงมีข้อควรระมัดระวังกันอยู่บ้าง เพราะหากประมาทไม่ตรวจตราคลินิกให้ดีเสียก่อน อาจจะต้องแก้หรือการรักษาซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าหลายเท่า
- ก่อนตัดสินใจเลือกคนินิกศัลยกรรมจมูก แต่ควรปรึกษา สอบถาม ขอคำแนะนำจากหลายคลินิก เพื่อพิจารณาเลือกคลินิกที่ดีที่สุด เนื่องจากแต่ละคลินิกอาจมีความคิดเห็นและมุมมองที่ต่างกัน จากนั้นค่อยเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือที่สุด
- อย่าเลือกของถูกมากเกินไป เพราะเสี่ยงมากที่คุณจะได้รับบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน พึงระลึกไว้เสมอว่าซิลิโคนต้องอยู่ในร่างกายคุณไปเป็น 10 ปี ฉะนั้นควรเลือกให้ดีตั้งแต่ครั้งแรก
- เลือกทรงให้เหมาะกับรูปหน้า แม้การเสริมจมูกจะเป็นการเสริมความงามที่สรรสร้างเองได้ แต่บางคนอยากเสริมจมูกแต่เนื้อน้อย จึงมีเงื่อนไขตามธรรมชาติที่ค่อนข้างหลีกเลี่ยงยาก จึงควรเลือกทรงที่ดูสวยและเป็นธรรมชาติในเวลาเดียวกัน จะทำให้จมูกของเราดูเนียน ดูไม่ปลอมจนเกินไป
- หลังจากทำศัลยกรรม ควรงดเว้นแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมหนัก ๆ ที่ใช้พลังงานเยอะ จนกว่าจมูกจะเริ่มเข้าที่ เพื่อป้องกันซิลิโคนบิดเบี้ยวผิดรูป
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสจมูก และสถานที่ที่มีมลภาวะฝุ่นควันเยอะ รวมถึงสถานที่ที่อากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะจะทำให้ระคายเคืองจมูกและโพรงจมูกได้ง่าย
- สำหรับผู้ที่จัดฟัน ควรจัดฟันให้เสร็จก่อนค่อยเสริมจมูก เพราะการจัดฟันเองก็มีส่วนที่ทำให้จมูกดูโด่งขึ้นอันเนื่องมาจากแนวฟันถูกบีบให้เล็กลงแล้วดันจมูกให้พุ่งขึ้น เพียงแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ หากจะจัดฟันและเสริมจมูกจะทำให้กะระยะความพุ่งของจมูกยาก และอาจดูไม่สมส่วนหากจมูกพุ่งมากเกินไป
- จมูกอาจมีหลายรูปทรง มีความสวยงามแตกต่างกันไป การเสริมจมูกที่สวยที่สุดคือการเลือกทรงจมูกที่รับกับใบหน้าของเรามากที่สุด มีความสมส่วนอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป รวมถึงต้องอาศัยฝีมือและประสบการณ์ของแพทย์ร่วมด้วย จึงควรศึกษาข้อมูลจนมั่นใจและเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้
- หลังผ่าตัดภายในเวลา 1 เดือน ห้ามให้เกิดการกระแทกที่บริเวณจมูกเด็ดขาด เช่น หลีกเลี่ยงการชน หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่มีการกระแทก เช่น บอล บาสเก็ตบอล ฯลฯ หลังจาก 1 เดือนจมูกจะเข้าที่แล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ห้ามแคะ แกะ เกา หรือขยี้บริเวณจมูก เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อ
อาการแทรกซ้อนหลังศัลยกรรมเสริมจมูก
- จมูกเบี้ยว เนื่องจากการเสริมแท่งซิลิโคนในขนาดที่ใหญ่เกินไป หรือเกิดจากการบกพร่องของการติดเทปในช่วงสัปดาห์แรก ทำให้ซิลิโคนลอยและมีโอกาสบิดซ้ายขวาสูงขึ้น ทำให้เกิดอาการบวมมาก วิธีการแก้ไขคือผ่าตัดใหม่ โดยแพทย์จะเอาแท่งซิลิโคนเก่าออกแล้วให้คนไข้พักจมูกสัก 2-3 เดือน เพื่อทำการเสริมซิลิโคนแท่งใหม่เข้าไป
- ซิลิโคนทะลุ มีสาเหตุมาจากการเสริมแท่งซิลิโคนที่ขนาดใหญ่เกินไปหรือซิลิโคนอยู่ในช่องที่ไม่มั่นคง ทำให้เลื่อนไปมาและเกิดการทะลุได้ วิธีการรักษาคือผ่าตัดใหม่โดยให้คนไข้พัก 2-3 เดือน ซึ่งแพทย์จะทำการรักษาตั้งแต่ในขั้นของซิลิโคนเกือบทะลุ คือเมื่อเริ่มมีตุ่มน้ำเกิดขึ้น หรือผนังเริ่มบางใสจนมองเห็นแท่งซิลิโคน
อาการ (ที่อาจพบ) หลังเสริมจมูกแบบวันต่อวัน
- หลังเสริมจมูกทันที : จะเห็นรูปทรงของจมูกอย่างชัดเจน จะมีอาการตึงอยู่เล็กน้อย เนื่องด้วยฤทธิ์ของยาชายังไม่หมด อาจจะทำให่เราไม่รู้สึกให้เจ็บในทันที
- ในช่วง 1-3 วันแรก : อาจจะมีบวมที่แผล รู้สึกตึง และเขียวช้ำบริเวณจมูกหรือใต้ตา แนะนำให้ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง หรือทานสมุนไพรใบบัวบกก็จะช่วยให้หายบวมช้ำได้เร็วขึ้น
- หลังเสริมจมูก 7 วัน : หลังจากครบหนึ่งอาทิตย์อาการบวมจะเริ่มยุบลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลและอาหารการกิน
- หลังเสริมจมูก 14 วัน : โดยปกติเมื่อครบ 14 วัน อาการบวมจะยุบลงอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงรอยฟกช้ำต่าง ๆ ก็จะหายไป สิ่งสำคัญต้องเข้ามาพบคุณหมอเพื่อตัดไหม
- หลังเสริมจมูกครบ 1 เดือน : อาการยุบบวมต่าง ๆ จะยุบลงมาก เห็นเป็นทรงจมูกชัดเจน แต่บางคนอาจจะมีช้ำมีเหลืองอยู่บ้าง แต่สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
- หลังเสริมครบ 3-6 เดือนไป : จะเริ่มเห็นทรงจมูกชัดเจนขึ้น จมูกจะเริ่มรัดแกนสวยเข้าที่ ช่วงเวลาอยากให้สาว ๆ อดทนเข้านิดนึงนะคะ ใครยังบวมอยู่ก็ไม่ต้องตกใจ หายบวมเมื่อไหร่สวยธรรมชาติในแบบ RWC Plastic Surgery แน่นอนค่ะ
หลังทำจะมีอาการบวมหลังผ่าตัดประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งถ้าดูแลตัวเองดี ๆ อาจจะหายเร็วกว่านั้นเล็กน้อย และจะหายสนิทเมื่อผ่านไปประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นจมูกจะเริ่มเข้าที่ เสริมจมูกกี่วันหายบวม ช่วงเวลาที่เราควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการดูแลตัวเองคือ ช่วง7-10วันแรก โดยจมูกจะเริ่มดูเข้ารูป เมื่อเวลาผ่านไป 6-12 เดือนขึ้นไป ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนอีกด้วย
เสริมจมูกราคา เท่าไหร่นั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับบริการว่าใช้วัสดุอะไร หากเป็นซิลิโคนหรือกระดูกอ่อน ราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 15,000-120,000 บาท โดยราคานี้อาจแตกต่างกันไปตามค่าบริการ ศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัดให้ รวมทั้งตัวคลินิก และโรงพยาบาลที่ผู้เข้ารับบริการเข้าไปใช้บริการ
การศัลยกรรมเสริมจมูกมีด้วยกันหลากหลายประเภท ส่วนใหญ่จะทำเพื่อปรับเปลี่ยนรูปของจมูกให้เป็นไปตามที่ต้องการ
- คนที่ต้องการกำจัดส่วนที่โก่งจนเกินไปที่บริเวณสันจมูก
- คนที่ต้องการปรับสันจมูกให้ตรงหรือโด่งขึ้น
- คนที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปร่างของปลายจมูก
- คนที่ต้องการขยายหรือลดขนาดของรูจมูก
- แก้ไขความผิดปกติของจมูกซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุ
- เปิดทางเดินหายใจ
- คนที่ต้องการเสริมหรือลดขนาดของจมูก
สรุป
การเสริมจมูกมีให้เลือกทั้งแบบปิดและแบบเปิด อยู่ตามความต้องการของผู้มารับบริการ ซึ่งการเสริมจมูกแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะมีปัญหาตามมาหลังทำเสร็จ ถ้าไม่ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะหัตถการนีต้องใช้เวลาในการพักฟื้นพอสมควรจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่สวยงาม