ศัลยกรรมเสริมคาง
การ ศัลยกรรมเสริมคาง ในปัจจุบันค่อนข้างได้รับความนิยม มาขึ้นกว่าเมื่อครั้งก่อน โดยเฉพาะในสาวๆ เพราะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวยาว ดูเด็กลง เสริมสร้างความมั่นใจให้กับใบหน้า การ ศัลยกรรมเสริมคาง สามารถช่วยปรับปรุงแก้ไขใบหน้าให้ได้สัดส่วน ช่วยให้โครงหน้าเปลี่ยนไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม คางถอย เป็นต้น
ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วคนไทย รวมถึงคนเอเชียจำนวนมากมักจะมีลักษณะคางที่สั้นผิดรูป ส่งผลให้ใบหน้าดูสั้นไม่สมส่วน ลักษณะโครงสร้างใบหน้าที่สวยงาม ส่วนบนตั้งแต่ไรผมถึงคิ้ว วนกลางตั้งแต่คิ้วถึงปลายจมูก และส่วนล่างตั้งแต่ปลายจมูกถึงคาง ทั้งสามส่วนควรจะมีสัดส่วนที่เท่าๆกัน ถ้าใบหน้าส่วนล่างสั้นกว่าอีกสองส่วน ก็จะกลายเป็นคนคางสั้น คางเล็ก เมื่อมองภาพรวมใบหน้าจึงไม่ได้สัดส่วนที่สวยงามนั่นเอง
สารบัญ
- ศัลยกรรมเสริมคาง คือ
- ศัลยกรรมเสริมคางเหมาะกับใคร
- ศัลยกรรมเสริมคางมีแบบไหนบ้าง ?
- การศัลยกรรมเสริมคาง แผลใน
- การศัลยกรรมเสริมคาง แผลนอก
- ประเภทของซิลิโคนที่ใช้ในศัลยกรรมเสริมคาง
- ก่อนศัลยกรรมเสริมคางต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
- ขั้นตอนการศัลยกรรมเสริมคาง
- วิธีดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมคาง
- แนวทางการรับประทานอาหารหลังศัลยกรรมเสริมคาง
- ผลข้างเคียงของการศัลยกรรมเสริมคาง
- ศัลยกรรมเสริมคาง เจ็บไหม ?
- ศัลยกรรมเสริมคาง พักฟื้นนานแค่ไหน ?
- คำถามที่มักพบบ่อย
ศัลยกรรมเสริมคาง คือ
การศัลยกรรมเสริมคาง หรือการทำคาง เป็นการทำศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ด้วยวิธีผ่าตัดเล็กแล้วใช้แท่งซิลิโคนชนิดเดียวกับที่ใช้ในการศัลยกรรมเสริมจมูก มีทั้งที่ขึ้นรูปมาเรียบร้อยแล้วจากโรงงาน แพทย์อาจมาทำการตกแต่งอีกเล็กน้อยก่อนเสริมเข้าไป กับชนิดที่แพทย์ต้องเหลาขึ้นรูปเองให้เหมาะกับลักษณะใบหน้าของแต่ละคน ซึ่งซิลิโคนที่ใช้นี้ จะต้องได้มาตรฐานทางการแพทย์ ทำการ ศัลยกรรมเสริมคาง โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ถึงจะมีความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
ศัลยกรรมเสริมคางเหมาะกับใคร
การศัลยกรรมเสริมคาง เหมาะสำหรับคนที่มีสัดส่วนของใบหน้าไม่สมดุล ได้แก่
- คางเล็กมากเกินไป คางหดสั้นเข้าไปด้านใน
- คนที่โครงหน้าไม่ได้รูป คางไม่สมส่วน
- คนที่ใบหน้าสั้น สัดส่วนคางไม่เข้ารูปกับสัดส่วนใบหน้าส่วนอื่น
นอกจากนี้การ ศัลยกรรมเสริมคาง ยังเหมาะสำหรับคนที่มีใบหน้ารูปกลม หน้ารูปเหลี่ยม โดยจะช่วยให้ใบหน้าแลดูมีมิติมากขึ้น และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความ V Shape เรียวเล็ก ตามความนิยมของคนในปัจจุบัน
ศัลยกรรมเสริมคางมีแบบไหนบ้าง ?
สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าการเสริมคางมีกี่วิธี กี่แบบ ทุกวันนี้การวิธีเสริมคาง มีอยู่ 2 วิธีหลัก ๆ คือ
1.การเสริมคาง ด้วยวิธีการฉีด
2.การเสริมคาง ด้วยวิธีการผ่าตัดเสริมซิลิโคน
ในส่วนของการฉีดมีทั้งการฉีดเสริมคางด้วยฟิลเลอร์ และไขมัน ซึ่งวิธีนี้เมื่อทำแล้วจะไม่สามารถอยู่ได้อย่างถาวร ทั้งวิธีการฉีดด้วยไขมัน และ ฉีดฟิลเลอ์คาง สามารถสลายไปเองในช่วง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่บุคคล หรือในบางรายอาจะต้องฉีดเติมเต็มซ้ำทุก ๆ ปี ส่วนอีกวิธีการเสริมคาง คือ การผ่าตัด ศัลยกรรมเสริมคาง ด้วยซิลิโคน
ซึ่งเป็นการผ่าตัดเล็กที่สามารถเสริมคาง ได้ผลอย่างถาวร การเสริมซิลิโคน สามารถจัดรูปทรงได้โดยที่คุณหมอสามารถออกแบบปรับรูปทรงคางร่วมกับคนไข้ ตามความต้องการและความเหมาะสม ซึ่งการเสริมคางด้วยซิลิโคนนั้นมีความเป็นธรรมชาติมาก แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ การศัลยกรรมเสริมคางแผลใน และ การศัลยกรรมเสริมคางแผลนอก
การศัลยกรรมเสริมคางแผลใน
จากนั้นศัลยวิธีการเป็นการ การศัลยกรรมเสริมคาง ผ่าตัดแบบเปิดแผลด้านในช่องปาก ตรงบริเวณเหงือกด้านในกับริมฝีปากล่าง ให้มีความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร (หรือแล้วแต่ขนาดซิลิโคน)
แพทย์จะผ่าแยกเยื่อหุ้มบริเวณขอบล่างของคางออก แล้วจึงวางแท่งซิลิโคนเข้าไปให้พอดีกับตำแหน่งที่ต้องการ หลังจากนั้นก็เย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย
ข้อดีของการเสริมคางแผลใน
- ไม่มีแผลเป็น เพราะมองไม่เห็นแผลจากภายนอก
- เหมาะกับผู้ที่เป็นแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ เพราะแผลจะซ่อนอยู่ด้านใน
- นิยมในแพทย์หรือทันตแพทย์ที่ต้องประเมินกระดูกขากรรไกรและการสบฟันร่วมด้วย
ข้อเสียของการเสริมคางแผลใน
- แม้มองไม่เห็นแผลภายนอก แต่แผลในปากที่อยู่ติดกับร่องเหงือกจะไม่ค่อยสวยและเห็นชัด
- มีโอกาสติดเชื้อสูงจากน้ำลายหรือเศษอาหาร จึงต้องดูแลแผลในปากเป็นพิเศษ
- การวางซิลิโคนไว้ให้ติดกับกระดูกกรามล่าง มีโอกาสเคลื่อนที่และไม่ตรงกับตำแหน่งที่ต้องการได้
- อาจเกิดปัญหากับกล้ามเนื้อคางและเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ ส่งผลให้มีการหดตัวของกล้ามเนื้อคาง เมื่อมองจากภายนอก ผิวหนังอาจดูไม่เรียบเนียนได้
- มีพื้นที่ในการผ่าตัดค่อนข้างจำกัด ต้องกรีดเปิดแผลในปากค่อนข้างยาวเพื่อวางซิลิโคน ทำให้เนื้อเยื่อช้ำและมีเลือดออกมาก การเย็บปิดแผลก็ค่อนข้างยุ่งยาก
- เมื่อเกิดปัญหาซิลิโคนเบี้ยวหรือเอียงจะแก้ไขได้ยาก เพราะแผลเย็บในปากมีมากแล้ว การผ่าตัดซ้ำอีกก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มแผลมากขึ้น
ข้อควรระวัง
การศัลยกรรมเสริมคางแผลใน จะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลทำความสะอาด เพื่อลดภาวะติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ระมัดระวังเรื่องของเศษอาหารตกค้างในช่องปาก และระวังไม่ให้คางกระแทกจนซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่ง
การศัลยกรรมเสริมคางแผลนอก
การศัลยกรรมเสริมคาง ในรูปแบบนี้เป็นการผ่าตัด ศัลยกรรมเสริมคาง จากด้านนอก ขั้นตอนการเสริมคางคุณหมอจะทำการเปิดแผลบริเวณใต้คาง เฉลี่ยอยู่ที่ 1-1.5 เซนติเมตร เพื่อเข้าไปวางตำแหน่งซิลิโคนเฉียงลงล่างให้ดูหน้าเรียวขึ้นและปรับแต่งรูปคางตามโครงหน้าของคนไข้การผ่าตัดจะทำร่วมกับการฉีดยาชา ใช้เวลาผ่าตัด ประมาณ 30 – 45 นาที ขึ้นอยู่ที่ความยากง่ายของการปรับรูปหน้าคนไข้แต่ละคน
ข้อดีของการเสริมคางแผลนอก
- มีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าการเปิดแผลในช่องปาก
- กล้ามเนื้อและเส้นประสาทได้รับการกระทบกระเทือนค่อนข้างน้อย เพราะแพทย์สามารถหลีกเลี่ยงกล้ามเนื้อและเส้นประสาท เพื่อเข้าสู่ขอบล่างของกระดูกกรามได้โดยตรง
- เมื่อเกิดปัญหาซิลิโคนเบี้ยวหรือเอียงจะแก้ไขได้ง่ายกว่า เพราะสามารถผ่าตัดซ้ำที่แผลภายนอกได้เลย
- สามารถวางตำแหน่งซิลิโคนได้ง่าย
ข้อเสียของการเสริมคางแผลนอก
- หลัง การศัลยกรรมเสริมคาง ด้วยวิธีนี้จะมีแผลเป็นเล็กน้อยบริเวณใต้คางเหมือนคางแตก ความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร
- ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์
ข้อควรระวัง
การศัลยกรรมเสริมคาง แผลนอก อาจไม่เหมาะกับคนที่มีเกิดรอยแผลเป็นได้ง่าย ดังนั้นในบางรายอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ แต่หากทำการดูแลรักษาอย่างดีทาครีมลดรอยแผลเป็นอย่างสม่ำเสมอ รอยแผลเป็นก็อาจหายได้ โดยเฉลี่ยต้องใช้ระยะนานพอสมควร ประมาณ 1-3 เดือน
ประเภทของซิลิโคนที่ใช้ในศัลยกรรมเสริมคาง
1.ซิลิโคนขาสั้น
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเน้นเฉพาะบริเวณปลายคางให้ยาวขึ้น และมีพื้นฐานโครงสร้างคางค่อนข้างดีเป็นทุนเดิม และต้องการปรับสัดส่วนบนใบหน้าให้สมบูรณ์มากขึ้น ใบหน้าดูยาวขึ้น จึงควรใช้ซิลิโคนที่มีลักษณะนิ่ม ปานกลาง
2.ซิลิโคนขายาว
จะมีขาวางโค้งครอบไปบนกระดูกปลายคางเพื่อให้ซิลิโคนอยู่ในองศาเดียวกับกรอบหน้าพอดี ทำให้ไม่เป็นรอยต่อเกิดขึ้นระหว่างแก้ม-คาง ตัวขาซิลิโคน จะช่วยล็อคไว้ ไม่ให้ห้อยย้อยตกลงมาใต้คาง ครอบล็อคกระดูกคาง ป้องกันคางเบี้ยวเอียง
ซิลิโคนขายาว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางตัด คางบุ๋ม คางถอย คางเหลี่ยมมากๆ ตัวซิลิโคนจึงต้อง ครอบคลุมถึงรอยต่อแนวกราม รับกับกรอบหน้า ทำให้รูปหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น
นอกจากลักษณะของซิลิโคนแล้วประเภทของซิลิโคนก็มีส่วนทำให้คาง เข้ากับรูปหน้ามากขึ้นได้ด้วย หากเลือกชนิดที่เหมาะสมจะช่วยให้รูปหน้าได้สัดส่วนที่ดี มีมิติ ดูเรียว ดูสวย อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งซิลิโคนที่ใช้ในการ ศัลยกรรมเสริมคาง มี 2 ประเภท คือ
1.ซิลิโคนเกาหลี (Korean Silicone)
มีข้อดีของซิลิโคนประเภทนี้คือ คือ นุ่มทำให้เวลาเสริม ดูเป็นธรรมชาติ การทำคางด้วยซิลิโคนเกาหลีจะช่วยทำให้คางดู พุ่ง งอนมาด้านหน้า แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นกับเนื้อคางของคนไข้ด้วย
2.ซิลิโคน USA
จุดเด่นของการทำคางด้วย ซิลิโคนอเมริกา คือ จะไม่นิ่มมาก เป็นซิลิโคนที่มีมาตรฐานพิเศษ มีค่าความบริสุทธิ์ของซิลิโคนสูงมาก
ซิลิโคนที่ใช้ในการ ศัลยกรรมเสริมคาง (medical grade silicone) เป็นเกรดทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับในวงการศัลยกรรมความงาม การ ศัลยกรรมเสริมคาง ให้ดูทรงเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยต่อร่างกาย มีความยืดหยุ่น เหลาขึ้นรูปได้ง่ายเพื่อให้เข้ากับโครงหน้าของคนไข้แต่ละบุคคล
ก่อนศัลยกรรมเสริมคางต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
หลังจากปรึกษาแพทย์และตัดสินใจผ่าตัด ศัลยกรรมเสริมคาง แล้ว ควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้การผ่าตัดเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด โดยการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดมีรายละเอียด ดังนี้
- งดยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) เช่น แอสไพริน
- งดอาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัดเสริมคาง รวมถึงสมุนไพรบางชนิด เช่น อีฟนิงพริมโรส ยาวิตามิน E ปริมาณสูงๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อย่างน้อย 3-7 วัน เพราะอาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัด 2 สัปดาห์
- งดน้ำงดอาหารทุกชนิดก่อนการผ่าตัดเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง
- แปรงฟันและทานอาหารให้พร้อมก่อนผ่าตัด เนื่องจากหลังผ่าตัดมักทานอาหารได้น้อย
- หากมีโรคประจำตัวหรือมีประวัติแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
- ควรพาญาติหรือบุคคลใกล้ชิดมาด้วยในวันผ่าตัด
ขั้นตอนการศัลยกรรมเสริมคาง
การ ศัลยกรรมเสริมคาง ทั้งแบบผ่าตัดการศัลยกรรมเสริมคาง แผลใน การศัลยกรรมเสริมคาง แผลนอก มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- บ้วนน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนรับการผ่าตัด
- นอนพักในห้องผ่าตัด เพื่อตรวจวัดความดันโลหิต ชีพจรก่อนรับการผ่าตัด
- แพทย์จะให้ยานอนหลับเพื่อลดความกังวล แล้วจึงค่อยฉีดยาชา เพื่อไม่ให้ไม่มีอาการเจ็บปวดในระหว่างการผ่าตัด
- ผ่าตัด ศัลยกรรมเสริมคาง โดยใช้ซิลิโคน และเย็บแผลด้วยไหมละลาย (ไม่ต้องตัดไหม)
- นอนพักที่ห้องพักฟื้นและประคบน้ำแข็งบริเวณที่ทำการผ่าตัด และนอนสังเกตอาการประมาณ 30 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ หลังการผ่าตัด และสามารถกลับบ้านได้ ไม่ต้องนอนค้าง
วิธีดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมคาง
เมื่อผ่าตัด ศัลยกรรมเสริมคาง เสร็จแล้วก็ยังคงต้องดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งคัด โดยวิธีดูแลตัวเองหลัง ศัลยกรรมเสริมคาง โดยทั่วไป มีดังนี้
- หลังผ่าตัดจะมีอาการบวม จึงควรประคบเย็นอย่างน้อย 48 ชั่วโมง โดยอาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงประมาณ 2 สัปดาห์
- หมั่นบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด น้ำเกลือ หรือนำยาบ้วนปาก ทุก 2-3 ชั่วโมงและทุกครั้งหลังอาหาร เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดในช่องปาก
- ควรรับประทานอาหารที่เคี้ยวง่าย เช่น อาหารอ่อนหรืออาหารเหลว และหลีกเลี่ยงการขยับปากในช่วงแรก
- หลังการผ่าตัดในภายในช่วง 2 สัปดาห์แรก ควรงดกิจกรรมที่ทำให้บาดแผลกระทบกระเทือน เช่น การวิ่ง กระโดด และห้ามเท้าคางเด็ดขาด
- ช่วงแรกๆ ให้นอนหงาย และหนุนหมอนสูงๆ เพื่อลดอาการบวม และอาการเลือดคั่ง
- งดทานอาหารรสจัด อาหารร้อน ของหมักดอง และอาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยว รวมถึงงดของสุกๆ ดิบๆ เพราะอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนได้
- ดื่มน้ำมากๆ โดยควรใช้หลอดดูด เพื่อลดการขยับคาง
- งดการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดสูบฉีดขึ้นใบหน้ามาก จะทำให้หน้าบวมได้
- ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง พร้อมดูแลแผลอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น
- ระมัดระวังการกระทบกระเทือนบริเวณคาง ไม่ควรยิ้มหรือหัวเราะมากจนเกินไป และระมัดระวังไม่ให้เกิดแรงกระแทกมากระทบซิลิโคนมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ซิลิโคนที่ยังเกาะติดแน่นกับขอบกระดูกไม่ดีพอขยับเขยื้อนได้
- หากมีอาการผิดปกติจากการศัลยกรรม หรือสงสัยว่าตัวเองมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
แนวทางการรับประทานอาหารหลังศัลยกรรมเสริมคาง
การรับประทานอาหารหลังการทำ ศัลยกรรมเสริมคาง แนะนำให้เน้นอาหารอ่อน ไม่ต้องใช้แรงบดเคี้ยวมาก รสอ่อน งดเผ็ดหรือเค็ม ช่วง 1 เดือนแรกหลังการผ่าตัด งดอาหารแสลง อาหารทะเล ของสุก ๆ ดิบ ๆ ที่เสี่ยงให้แผลบวมนานกว่าปกติ
ผลข้างเคียงของการศัลยกรรมเสริมคาง
หลังจากผ่าตัด ศัลยกรรมเสริมคาง ใบหน้าจะยังไม่เข้ารูปในทันที และอาจมีผลข้างเคียงบ้าง ดังนี้
- หากมีรอยเขียวช้ำหลังจากการผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์ ให้ประคบด้วยน้ำอุ่นบริเวณรอยเขียวช้ำ เพื่อให้รอยเขียวช้ำหายเร็วขึ้น
- อาการบวมมักจะยุบลงและได้รูปร่างของคางใหม่ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-3 เดือน หลังการผ่าตัด
- หลังการ ศัลยกรรมเสริมคาง อาจเกิดอาการชาบริเวณคาง ริมฝีปาก ฟันล่างด้านหน้า เนื่องจากเส้นประสาทถูกรบกวนจากการผ่าตัด แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะเกิดเพียงชั่วคราว อาการชาจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ และฟื้นได้ในเวลาประมาณ 1-3 เดือน
- หากมีการกระแทกหรือกระทบอะไรแรงๆ อาจะส่งผลให้ก็อาจส่งผลให้คางเอียงได้ โดยเฉพาะในช่วงประมาณ 1 เดือนหลังการผ่าตัด จะต้องแก้ไขโดยการผ่าเพื่อเข้าจัดคางใหม่
- ผู้ที่อาจเป็นอันตรายและไม่ควรทำการ ศัลยกรรมเสริมคาง ได้แก่ ผู้ที่เป็นโรคลมชัก โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคเลือดและสตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
ศัลยกรรมเสริมคาง เจ็บไหม ?
การศัลยกรรมเสริมคาง เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ที่ทำการผ่าตัดร่วมกับการฉีดยาชา ดังนั้น ความรู้สึกเจ็บ จะมีแค่ตอนฉีดยาชาเท่านั้น หลังยาชาออกฤทธิ์ ระหว่างที่ผ่าตัด จนเสร็จ คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่หลังยาชาหมดฤทธิ์ อาจจะมีอาการตึง หรือรู้เจ็บบ้างเล็กน้อย ซึ่งสามารถรับประทานยาแก่ปวดได้ รวมถึงมีการประคบเย็น เพื่อลดปวดและลดบวม หลังผ่าตัดเสร็จ สามารถเดินทางกลับบ้านพักฟื้นได้ โดยไม่ต้องพักฟื้นที่คลินิก
ศัลยกรรมเสริมคาง พักฟื้นนานแค่ไหน ?
การพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมคาง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7 วัน แต่สามารถไปไหนมาไหนได้ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่กระทบกิจวัตรประจำวัน 7 วัน จะนัดเข้ามาเพื่อเช็คแผล หรือตัดไหม ทรงคางจะเข้าที่ใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน
การ ศัลยกรรมเสริมคาง เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ที่ทำการผ่าตัดร่วมกับการฉีดยาชา ดังนั้น ความรู้สึกเจ็บ จะมีแค่ตอนฉีดยาชาเท่านั้น หลังยาชาออกฤทธิ์ ระหว่างที่ผ่าตัด จนเสร็จ คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่หลังยาชาหมดฤทธิ์ อาจจะมีอาการตึง หรือรู้เจ็บบ้างเล็กน้อย ซึ่งสามารถรับประทานยาแก่ปวดได้ รวมถึงมีการประคบเย็น เพื่อลดปวดและลดบวม หลังผ่าตัดเสร็จ สามารถเดินทางกลับบ้านพักฟื้นได้ โดยไม่ต้องพักฟื้นที่คลินิก
การพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมคาง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7 วัน แต่สามารถไปไหนมาไหนได้ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่กระทบกิจวัตรประจำวัน 7 วัน จะนัดเข้ามาเพื่อเช็คแผล หรือตัดไหม ทรงคางจะเข้าที่ใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน
สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าการเสริมคางมีกี่วิธี กี่แบบ ทุกวันนี้การวิธีเสริมคาง มีอยู่ 2 วิธีหลัก ๆ คือ
1.การเสริมคาง ด้วยวิธีการฉีด
2.การเสริมคาง ด้วยวิธีการผ่าตัดเสริมซิลิโคน
ในส่วนของการฉีดมีทั้งการฉีดเสริมคางด้วยฟิลเลอร์ และไขมัน ซึ่งวิธีนี้เมื่อทำแล้วจะไม่สามารถอยู่ได้อย่างถาวร ทั้งวิธีการฉีดด้วยไขมัน และ ฉีดฟิลเลอ์คาง สามารถสลายไปเองในช่วง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่บุคคล หรือในบางรายอาจะต้องฉีดเติมเต็มซ้ำทุกๆ ปี ส่วนอีกวิธีการเสริมคาง คือ การผ่าตัด ศัลยกรรมเสริมคาง ด้วยซิลิโคน
สรุป
การเสริมคาง เป็นการปรับแต่งรูปคางที่มีปัญหาให้ดูดีขึ้น มีให้เลือก 2 แบบ คือการศัลยกรรมกับการฉีดฟิลเลอร์ การเสริมคางสามารถทำได้แบบแผลในและแผลนอก ซึ่งแผลในจะทำให้ไม่เป็นแผลเป็น แต่จะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าแผลนอก ซึ่งแผลนอกจะทำให้วางซิลิโคนได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเลือกแบบใดต้องระมัดระวังและทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด