ศัลยกรรมหน้าอก หรือ ทำนม
จากสถิติปี 2018 จาก American Society of Plastic Surgeons (ASPS) ได้บอกไว้ว่า มีผู้คนทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกมามากกว่า 20 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งได้รับความสนใจมาเป็นอันดับที่ 1 ในวงการศัลยกรรมนี้ แต่การทำนม เป็นการผ่าตัดใหญ่ จึงต้องระมัดระวังและใส่ใจทุกขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด
สารบัญ
การเสริมหน้าอก คือ
ในปัจจุบันการผ่าตัดเสริมหน้าอก หรือ การทำนม ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากสมัยก่อนเยอะมาก เนื่องจากเทคโนโลยีในการทำนม เสริมหน้าอกมีการพัฒนาและก้าวหน้าขึ้น เทคนิคและวิธีการผ่าตัดของแพทย์ก็พัฒนาตาม การเสริมหน้าอก ทำนมมีหลายทางเลือก แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยควรเลือกผ่าตัดกับศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งการผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยถุงเต้านมเทียมหรือถุงซิลิโคนจะเป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะเป็นวัสดุที่มีรูปร่างสวยงามและมีความแข็งแรง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไรก็สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอด จึงถือว่าเป็นการเสริมหน้าอกที่ราคาและคุณภาพสมเหตุสมผลที่สุด
รูปแบบการเสริมหน้าอก
การผ่าตัดเสริมหน้าอก ทำนม ในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 แบบ สามารถทำแบบใดแบบหนึ่งหรือทำร่วมกันทั้งสองอย่างในครั้งเดียวได้ ประกอบไปด้วย
- การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Transfer Augmentation) เป็นวิธีที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะใช้เนื้อเยื่อตนเอง ไม่ใช้วัตถุแปลกปลอม มีความเป็นธรรมชาติสูง แต่มีข้อจำกัดหลายเรื่อง ได้แก่ จำเป็นต้องมีการผ่าตัดเพิ่มเติมคือ การดูดไขมัน ซึ่งต้องมีอุปกรณ์เฉพาะและการอยู่ตัวของไขมันที่ฉีดอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
- การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม (Breast Implant Augmentation)
ซิลิโคนเสริมหน้าอก
ในปัจจุบันซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอก ทำนม เกือบทั้งหมดจะใช้ซิลิโคนเจล (Silicone Gel) ซึ่งผิวภายนอกเป็นถุงซิลิโคนและภายในมีลักษณะเป็นเจล
ผิวภายนอกซิลิโคน มี 2 ชนิด ได้แก่
- ผิวภายนอกซิลิโคนชนิดหยาบหรือผิวทราย (Textured)
- ผิวภายนอกซิลิโคนแบบผิวเรียบ (Smooth)
นอกจากนี้ยังมีรูปทรงหลายชนิดให้เลือก เช่น ทรงกลม (Round) ทรงหยดน้ำ (Teardrop) รวมทั้งขนาดและความนูนในระดับต่าง ๆ ในปัจจุบันซิลิโคนเต้านมเทียมมีคุณภาพและความคงทนที่ค่อนข้างดี ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตามเวลา 5 ปี หรือ 10 ปี โดยในส่วนของเต้านมเทียมผิวขรุขระหรือผิวทราย (Textured Implant) ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในประเทศไทย มีข้อมูลระบุว่าสามารถลดการเกิดพังผืดหดรัดและมีพื้นผิวที่สามารถยึดเกาะได้ดี จึงเหมาะกับซิลิโคนเต้านมบางประเภท เช่น ทรงหยดน้ำ ควรเลือกซิลิโคนผิวขรุขระให้เหมาะสมภายใต้คำแนะนำของศัลยแพทย์และมีการเฝ้าระวังและตรวจเช็กหน้าอกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัย
การใส่ซิลิโคนเสริมหน้าอกเทคนิคแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง
เหนือกล้ามเนื้อ
สำหรับสาว ๆ ที่มีเนื้อและไขมันบริเวณเต้านม เหมาะกับการใช้เทคนิคนี้ โดยซิลิโคนเสริมหน้าอกจะอยู่บนแผ่นกล้ามเนื้อของเราทั้งหมด โดยจะเหมาะกับคนที่มีเนื้อหน้าอกเพียงพอ ที่จะยึดเกาะกับซิลิโคน และกันไม่ให้ถุงเต้านมเทียมไปชนเข้ากับผิวหนังหน้าอกได้
ใต้กล้ามเนื้อ
เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มีเนื้อนมที่หย่อนคล้อย เพราะการเสริมใต้กล้ามเนื้อจะดีกว่าเสริมบนกล้ามเนื้อ ดังนั้นจะช่วยทำให้เต้านมได้รูปมากขึ้นและทำให้หน้าอกกระชับแลดูเป็นธรรมชาติ ทำให้โอกาสเกิดพังผืดลดลงไปมาก แต่การใส่ใต้กล้ามเนื้อช่วงแรกก็จะมีปัญหาเต้านมซิลิโคนลอยขึ้นสูง และขยับไปมาได้ เวลาที่เราเกร็งกล้ามเนื้อหน้าอก ข้อดีของการเสริมใต้กล้ามคือเวลาขยับแขนจะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกนั้นช่วยนวดซิลิโคนอีกทางหนึ่งด้วย
กึ่งใต้กล้ามเนื้อ
หรือที่เรียกกันว่า เทคนิค Dual Plane แพทย์จะเสริมโดยให้มีการปรับลงมาให้ครึ่งบนอยู่ใต้กล้ามส่วนครึ่งล่างทำให้เสมือนอยู่กับเนื้อเต้านม โดยไม่มีกล้ามเนื้อคลุม โดยซิลิโคนบางส่วนจะอยู่เหนือกล้ามเนื้อ และบางส่วนจะอยู่ใต้กล้ามเนื้อเป็นการนำข้อดีของเทคนิคการเสริมหน้าอกในแต่ละแบบเข้ามาอยู่ด้วยกันในวิธีเดียว จึงทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แม้ขยับส่วนบนของร่างกายก็จะดูเป็นธรรมชาติไม่กลมบล็อกจนเกินไปเพราะฉะนั้นรูปทรงของหน้าอกจึงออกมาสวยเป็นธรรมชาติมากยิ่งกว่าแบบเดิมและช่วยลดการเกิดพังผืดได้อีกด้วย
เลือกซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงไหนดี
การเสริมหน้าอก ทำนม ก็ยังมีวีธีการที่หลากหลายให้เลือกตามสรีระของแต่ละคนเรามาทำความรู้จักซิลิโคน ปัจจุบันนี้ยังมีซิลิโคนชนิดพิเศษไปอีกขั้น นั่นก็คือ ซิลิโคนผิวนาโนหรือกำมะหยี่
ซิลิโคนทรงกึ่งหยดน้ำ
ซึ่งบอกได้เลยว่าทรงนี้ เป็นการนำข้อดีของแบบเดิมทั้ง 2 แบบมารวมไว้ด้วยกัน ทำให้การเสริมหน้าอกมีความปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ จึงได้ผลลัพธ์ที่พอใจมากขึ้น ซึ่งจุดเด่นของซิลิโคน กึ่งหยดน้ำ เป็นเนื้อเจลพิเศษชนิดใหม่ซึ่งเนื้อเจลจะเป็นเจลคืนตัวแบบ 100% และซิลิโคนเนื้อเจลตัวนี้จะอยู่นานเกิน 10 ปีหรืออยู่ได้แบบตลอดชีวิตเลย
ซิลิโคนทรงกลม
บอกได้เลยว่าทรงนี้จะดูเป็นธรรมชาติ และมีความยืดหยุ่น เนื่องจาก Cohesive Gel ด้านในจะเหลวกว่าทรงหยดน้ำ เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการมีเต้านมรูปร่างกลม และเติมเต็มส่วนบนของเต้านม
ซิลิโคนทรงหยดน้ำ
ซิลิโคนทรงนี้ถูกออกแบบมา ให้คงรูปในลักษณะของหยดน้ำ ซึ่งส่วนล่างจะป่อง และส่วนบนจะแบน เพื่อจะให้เลียนแบบ ลักษณะของเต้านมตามธรรมชาติในท่านั่งและท่ายืน โดยซิลิโคนเจลภายในจะค่อนข้างแข็งและคงรูป ดูเป็นธรรมชาติ
ผ่าตัดเสริมหน้าอก
การผ่าตัดเสริมหน้าอก ทำนม สามารถเลือกบริเวณของแผลผ่าตัดที่จะใช้ในการใส่ซิลิโคนได้ หลัก ๆ จะมี 2 ตำแหน่งด้วยกัน ประกอบไปด้วย
- ใต้ราวนม การผ่าตัดแผลใต้ราวนมสามารถจัดวางตำแหน่งได้ถูกต้อง เสียเลือดน้อย และฟื้นตัวรวดเร็ว รวมทั้งใช้เป็นแผลผ่าตัดหลัก ในกรณีที่ทำการแก้ไขหรือเปลี่ยนซิลิโคน
- ใต้รักแร้หรือรอบปานนม การผ่าตัดแผลใต้รักแร้และบริเวณหัวนมจะทำได้ยากกว่า มีการช้ำและเสียเลือดมากกว่า การพักฟื้นใช้เวลานานกว่า
เตรียมตัวก่อนเสริมนม
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมเต้านม ได้แก่
- ตรวจร่างกาย
- ตรวจเลือด
- เอกซเรย์ปอด
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจตามเกณฑ์
- หยุดยาที่รับประทานบางชนิดก่อนการผ่าตัด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามิน หรือสมุนไพร
- งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนมาผ่าตัด
- หยุดสูบบุหรี่และหยุดดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 4 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
ภาวะแทรกซ้อนหลังเสริมนม
ภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการทำนม ได้แก่
- มีอาการปวด
- มีอาการบวม
- แผลอักเสบ ติดเชื้อ
- คลำได้ก้อนบริเวณหน้าอก
- มีน้ำเหลืองหรือเลือดออกจากแผลผ่าตัด
- ผลข้างเคียงจากยาสลบ ยาแก้ปวด เช่น คลื่นไส้ อาเจียน
- ผลระยะยาวจากการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การเกิดพังผืดหดรัด การเคลื่อนตำแหน่งของซิลิโคน การหย่อนคล้อยของหน้าอก รวมทั้งการผิดรูป เช่น แข็งตัวหรือเสียรูปทรง หรือการแตกของถุงซิลิโคน
ระยะเวลาพักฟื้น
- คนไข้สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ภายใน 2–3 วัน
- ศัลยแพทย์จะนัดมาตรวจหน้าอกและตัดไหมในอีกประมาณ 1 สัปดาห์
- คนไข้ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ หน้าอกแตะต้องและกระทบกับสิ่งใด (ยกเว้นยกทรง) เป็นเวลาประมาณ 3–4 สัปดาห์
- รอยแผลเป็นจะค่อยๆ จางลงในช่วงหลัง 3 เดือนถึง 2 ปีหลังการผ่าตัด ซึ่งระยะเวลาจะแตกต่างกันไปในคนไข้แต่ละราย
ดูแลหลังเสริมนม
- การนวดหน้าอก เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดหลังการเสริมหน้าอก ทำนม แล้วแต่ชนิดซิลิโคน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพังผืดซึ่งจะทำให้หน้าอกแข็งตึง คนไข้ควรหมั่นนวดคลึงหน้าอกเพราะจะยิ่งทำให้หน้าอกมีรูปทรงที่สวยงามยิ่งขึ้น ควรนวดคลึงหน้าอกอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี
- งดการยกสิ่งของหนักเกิน10กิโลกรัมเป็นเวลา 3-4 อาทิตย์
- งดกิจกรรมหนัก หรือใช้กำลังมากเป็นเวลา 1 เดือน
- ใส่ซับพอตบราที่ทางโรงพยาบาลแนะนำในช่วง 1เดือนแรกหลังการผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ รวมทั้งของหมักดอง อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
ผ่าตัดแก้ไขหน้าอก
- ผู้ที่ได้รับการเสริมหน้าอกอาจมีโอกาสที่จะได้รับการผ่าตัดแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จากสาเหตุต่าง ๆ เช่น
- มีความต้องการเปลี่ยนขนาดหรือรูปทรงของซิลิโคน
- เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น มีการอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีเลือดออก
- มีภาวะพังผืดหนาหดรัดตัว
- มีการแตกของซิลิโคน (Implant Rupture) ซึ่งปัจจุบันพบได้น้อยมาก
อายุกับการเสริมนม
ลักษณะของหน้าอกจะแตกต่างกันออกไปตามช่วงลักษณะของวัย การเสริมหน้าอกในช่วงอายุน้อยและก่อนมีบุตรจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็ว หน้าอกค่อนข้างกระชับ หย่อนคล้อยช้า แต่มีความตึงสูง และอาจใช้เวลาในช่วงระยะแรกก่อนที่รูปทรงจะเข้าที่ ส่วนการเสริมหน้าอกในช่วงที่อายุมากขึ้น โดยเฉพาะหลังมีบุตร หน้าอกจะมีการขยายตัวมาบ้างแล้ว และมีความยืดหยุ่น ทำให้รูปทรงเข้าที่ได้เร็ว แต่ก็อาจทำให้มีการหย่อนคล้อยเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะบางรายที่หน้าอกเดิมมีการหย่อนคล้อยมากอาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดยกกระชับไปด้วย
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมเต้านม ได้แก่
-
- ตรวจร่างกาย
- ตรวจเลือด
- เอกซเรย์ปอด
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจตามเกณฑ์
- หยุดยาที่รับประทานบางชนิดก่อนการผ่าตัด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามิน หรือสมุนไพร
- งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนมาผ่าตัด
- หยุดสูบบุหรี่และหยุดดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 4 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- คนไข้สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ภายใน 2–3 วัน
ศัลยแพทย์จะนัดมาตรวจหน้าอกและตัดไหมในอีกประมาณ 1 สัปดาห์ - คนไข้ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ หน้าอกแตะต้องและกระทบกับสิ่งใด (ยกเว้นยกทรง) เป็นเวลาประมาณ 3–4 สัปดาห์
- รอยแผลเป็นจะค่อยๆ จางลงในช่วงหลัง 3 เดือนถึง 2 ปีหลังการผ่าตัด ซึ่งระยะเวลาจะแตกต่างกันไปในคนไข้แต่ละราย
- การนวดหน้าอก เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดหลังการเสริมหน้าอกแล้วแต่ชนิดซิลิโคน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพังผืดซึ่งจะทำให้หน้าอกแข็งตึง คนไข้ควรหมั่นนวดคลึงหน้าอกเพราะจะยิ่งทำให้หน้าอกมีรูปทรงที่สวยงามยิ่งขึ้น ควรนวดคลึงหน้าอกอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี
- งดการยกสิ่งของหนักเกิน10กิโลกรัมเป็นเวลา 3-4 อาทิตย์
- งดกิจกรรมหนัก หรือใช้กำลังมากเป็นเวลา 1 เดือน
- ใส่ซับพอตบราที่ทางโรงพยาบาลแนะนำในช่วง 1เดือนแรกหลังการผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ รวมทั้งของหมักดอง อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
สรุป
การเลือกเสริมหน้าอก หรือทำนม ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม และต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด เพราาการเสริมหน้าอก เป็นการผ่าตัดใหญ่ จึงต้องระมัดระวังให้มากที่สุด เพื่อความปลอดภัย และเพื่อผลลัพธ์ออกมาตรงตามความต้องการที่คนไข้อยากให้เป็น